นิกาย

นิกายศาสนาอิสลาม

การ แบ่งแยกออกเป็นนิกายต่าง ๆ ในศาสนาอิสลามเกิดจากความคิดเห็นของสาวกเกี่ยวกับการตีความหมายและปฏิบัติ ศาสนกิจตามความเชื่อของหมู่ชนต่าง ๆ ไม่ตรงกัน ประกอบกับมีเหตุผลทางการเมืองเป็นองค์ประกอบสำคัญ อิสลามจึงแตกแยกออกเป็น 2 นิกายสำคัญ คือ ซุนนีย์และชีอะฮฺ ซึ่งความแตกแยกทางนิกายในศาสนาอิสลามเกิดขึ้นหลังจากท่านศาสดามุฮัมมัดสิ้น พระชนม์

1. นิกายซุนีย์ เป็นนิกายที่ชาวมุสลิมส่วนใหญ่นับถือ ซึ่งยึดถือัลอ-กุรอาน จริยวัตรของท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอพระเจ้าทรงประสาทพรแด่ท่านและครอบครัวของท่าน) และแบบอย่างของสาวกเป็นหลัก แนวความคิดของนิกายซุนีย์ คือ เชื่อว่าท่านศาสดามุฮัมมัดมิได้แต่งตั้งตัวแทนไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป ดังนั้น หลังจากท่านจากไปแล้วตำแหน่งผู้ปกครองหรือผู้นำสืบต่อจากท่านจึงเป็นหน้าที่ ของมุสลิม ต้องเลือกสรรกันเองตามความเหมาะสม

ฉะนั้น หลังจากท่านศาสดาจากไปสาวกกลุ่มหนึ่งจึงพากันไปเลือกตั้งตำแหน่งเคาะลิฟะ ฮฺที่บนีสะกีฟะฮฺ พวกเขาได้เลือกท่านอบูบักร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสาวกของท่านศาสดาขึ้นเป็นเคาะลิฟะฮฺ ก่อนที่ท่านอบูบักร์จะจากไปท่านได้สั่งเสียให้ท่านอุมัรเป็นผู้สืบทอด ตำแหน่งแทน และก่อนที่ท่านอุมัรจะจากไปท่านได้สั่งเสียให้ท่านอุสมานเป็นผู้สืบแทน แต่สำหรับเคาะลิฟะฮฺที่สี่ประชาชนได้เลือกท่านอะลีขึ้นเป็นเคาะลิฟะฮฺ

หลัง จากจบการบริหารของเคาะลิฟะฮฺทั้งสี่ท่านแล้ว นิกายซุนนีย์ก็ปราศจากผู้ปกครองโดยเฉพาะผู้นำศาสนาที่ถูกต้องตามทำนองครอง ธรรม ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้นิกายซุนนีย์ไ่ม่มีผู้ศาสนาที่เด่นชัด เนื่องจากไม่มีผู้รู้ที่แท้จริง ประกอบกับในช่วงนั้นพระวจนะของศาสดาเองก็ได้รับการสั่งห้ามจากเคาะลิฟะฮฺที่ สอง มิให้มีการจดบันทึกโดยอ้างเหตุผลว่าจะสับสนกับโองการอัล-กุรอาน ฮ.ศ. ที่ 114 ในช่วยระ

2. นิกายชีอะฮฺ เป็นนิกายที่มีความเชื่อมั่นในเอกภาพของพระเจ้า ยึดมั่นในอัล-กุรอานและจริยวัตรของท่านศาสดามุฮัมมัด (ขอพระเจ้าทรงประสาทพรแด่ท่านและครอบครัวของท่าน) และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์ (ขอความสันติพึงมีแด่ท่าน) แนวความคิดของนิกายชีอะฮฺ คือ เชื่อว่าท่านศาสดามุฮัมมัดได้แต่งตั้งตัวแทน (อิมาม) ให้เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของท่านตามพระบัญชาของพระเจ้าไว้ก่อนที่ท่านจะจาก ไป ตาามที่อธิบายไว้ในบทอิมามมัต

นิกายชีอะฮฺ เชื่อโดยหลักการว่าท่านศาสดามุฮัมมัดได้ประกาศแต่งตั้งท่านอะลีให้เป็นตัว แทนต่อจากท่านนับแต่วันแรกที่ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสดา และในวาระต่าง ๆ ตลอดชั่ว 23 ปี ที่ท่านประกาศเผยแผ่ศาสนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกาศแต่งตั้งท่านอะลีท่ามกลางประชาชนจำนวนนับแสนคน หลังจากการเดินทางกลับจากการบำเพ็ญหัจญ์ครั้งสุดท้าย ในวันที่ 18 เดือน ซุลหิจญะฮฺ ปี ฮ.ศ.ที่ 10 ณ สถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่า เฆาะดีร

นิ กายชีอะฮฺ เชื่อโดยหลักการว่าต้องมีอิมามผู้ปกครองอิสลามอีก 12 ท่าน หลังจากท่านศาสดามุฮัมมัด ดังที่ท่านศาสดากล่าวว่า อิสลามต้องมีผู้นำอีก 12 ท่าน แม้แต่ศาสนิกอื่นยังเชื่อว่าการไม่ตั้งตัวแทนของท่านศาสดา คือ ความผิดพลาดของท่านมุฮัมมัด ดังที่กล่าวว่า สิ่งเดียวที่ท่านมุฮัมมัดได้ละเลยและก่อให้เกิดผลเสียมิใช่น้อยได้แก่การมิ ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดต่อจากท่าน คำว่าผู้สืบทอดต่อในภาษาอาหรับเรียกว่า เคาะลิฟะฮฺ การที่ท่านมุฮัมมัดมิได้แต่งตั้งเคาะลิฟะฮฺไว้ก็อาจเป็นเพราะว่าท่านมีความ ถ่อมตน ถือว่าหน้าที่แต่งตั้งเคาะลิฟะฮฺเป็นของอัลลอฮฺ มิใช่ของท่าน อย่างไรก็ตามเมื่อทานสิ้นชีวิตลงโดยไม่มีผู้สืบต่อก็ก่อให้เกิดปัญหาการคัด เลือกผู้เหมาะสม (ศรีสุรางค์ พูลทรัพย์ อารยธรรมตะวันออก หน้า 59)

แต่ โดยหลักการของชีอะฮฺในเรื่องการตั้งตัวแทน มีความเชื่อต่างไปจากซุนนีย์ โดยเชื่อว่าท่านศาสดาจะไม่ผิดพลาดในเรื่องนี้ ท่านได้แต่งตั้งตัวแทนไว้อย่างแน่นอน ก่อนที่ท่านจะจากไปตามพระบัญชาของพระเจ้าตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

 

b36p8

http://www.taqrib.info/thai/index.php?option=com_content&view=article&id=77:1388-07-29-17-35-32&catid=36:1388-07-04-07-31-00&Itemid=155

ใส่ความเห็น