โครงสร้างของละครนั้น จะต้องประกอบไปด้วยสิ่งเหล่านี้คือ
1โครงเรื่อง ( Plot) 4W+H คือ ใคร ( who ) ทำอะไร ( what ) ที่ไหน (where ) เมื่อไหร่
( when ) อย่างไร ( how )
2.ตัวละครและวิธีสร้างตัวละคร ( Character and Characterization )
3. บทเจรจา ( Dialogue)
4.ฉาก ( Setting )
5. แนวคิดของเรื่อง ( Theme )แนวคิดของละครนั้นมีหลายแนว เช่น การช่วยเปลื้องทุกข์ การวิงวอน อาชญากรรมที่มีการแก้แค้น การติดตาม การแข็งข้อ หรือกบฏ ปัญหาชีวิต การพาหนีโดยใช้กำลังหรืออุบาย การฆาตกรรม การพลีชีพเพื่อชาติ เพื่ออุดมคติ เพื่อญาติ เพื่อความรัก ความสำนึกผิด การแข่งขันระหว่างฐานะที่สูงและต่ำต้อย ความอิจฉาริษยา หึงหวง ความหลงการสูญเสียความรัก ยศถาบรรดาศักดิ์ ความร่ำรวย คนที่สาปสูญกลับมา
6.การแสดง( Action )
1. บทละครแนวประวัติศาสตร์ เป็น บทละครที่แสดงเรื่องราวในอดีต เช่น ประวัติบุคคล ประวัติเหตุการณ์ในสมัยต่างๆ
2. บทละครแนวปรัชญาชีวิต เป็นบทละครที่แสดงเรื่องราวในอดีตหรือปัจจุบันที่เน้นความคิดของมนุษย์ในการดำเนินชีวิตให้ถูกต้อง
3. บทละครแนวชี้นำหรือสะท้อนสังคม เป็นบทละครที่แสดงเรื่องราวอันเป็นปัญหาสังคม ซึ่งเป็นผลกระทบรุนแรงต่อบุคคลหรือชุมชน เช่นปัญหาความยากจน โสเภณีเด็ก เป็นต้น บทละครเหล่านี้มักไม่มีคำตอบหรือทางออกที่ชัดเจนให้ตัวละครซึ่งตกอยู่ในปัญหานั้น แต่มักเสนอแนวคิดให้ทุกฝ่ายร่วมกันป้องกัน
4. บทละครแนวจินตนาการ เป็น บทละครที่แสดงจินตนาการอันสร้างสรรค์ในเชิงศิลปะของมนุษยชาติ ตัวละคร เหตุการณ์ สถานที่ ล้วนเป็นจินตนาการของกวีที่มุ่งแสดงพลังแห่งจินตนาการอันไม่มีขีดจำกัด ในทางวรรณศิลป์ ดุริยางคศิลป์ ทัศนศิลป์ และนาฏศิลป์ ตามความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ ความตระการตา เหล่านี้เป็นสิ่งธรรมดาและยอมรับได้ อาทิ เทพนิยาย เรื่องจักรๆวงศ์ๆ เรื่องวิทยาศาสตร์เป็นต้นอย่างไรก็ดีวัตถุประสงค์ของบทละครดังกล่าวนี้มิได้แยกออกจากกันโดยเด็ดขาดเพียงแต่บทละครแต่ละเรื่องเน้นสาระสำคัญต่างแนวกัน
การเขียนบทละครมีโครงสร้างอย่างเดียวกับการเขียนเรื่องสั้น คือ มีความสำคัญอันเป็นแกนของเรื่อง มีเค้าโครงเรื่อง มีตัวละคร บทสนทนา และฉาก การเขียนเรื่องสั้นทำให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินจากการอ่าน แต่งบทละคร เป็นศิลปะที่จะนำไปแสดงเพื่อให้คนได้ชม แล้วเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลิน
http://nutthapol.multiply.com/journal/item/7